Review Game : YAKUZA LIKE A DRAGON ยากูซ่าสุดเก๋า กับการต่อสู้สุดมันส์

Funnygamings : รีวิวเกม YAKUZA LIKE A DRAGON

ซีรีส์ Yakuza หรือที่มีชื่อญี่ปุ่นว่า Ryu Ga Gotoku นั้นได้มีอายุ 15 ปีเข้าไปแล้วนับตั้งแต่อดีตจนถึงปี 2020 นี้ และแน่นอนว่าภาพจำของหลายๆ คน แม้ว่าไม่เคยเล่นก็คงจะนึกออกว่า Yakuza คือเกมแอ็กชั่นที่แสนจะบ้าคลั่งเลือดสาดบู๊กระจาย ชนิดที่ผู้เล่นสามารถลุยตัวเปล่าไล่กระทืบยากูซ่าฝั่งตรงข้ามนับร้อยด้วยตัวคนเดียวได้ แต่ว่ากับภาคหลักล่าสุดในภาคที่ 7 หรือในชื่อ Like a Dragon ในฝั่งตะวันตกนี้ แนวเกมกลับสลับจากแอ็กชันกลายไปเป็นเกม RPG เทิร์นเบสเสียอย่างนั้น แล้วแบบนี้มันจะดีหรือไม่ดีอย่างไรบ้างล่ะ?

เนื้อเรื่อง

เมื่อเป็นภาคใหม่ เปลี่ยนแนวเกมใหม่ แม้แต่ตัวเอกก็เลยต้องเปลี่ยนใหม่เช่นกัน จากเดิมที่ผู้เล่นคุ้นหน้าคุ้นตากับพระเอกตั้งแต่ภาคแรกอย่างคิริว คาซึมะมาทุกภาค ในภาคนี้ผู้เล่นจะได้ทำความรู้จักกับพระเอกหน้าใหม่อย่างคาสึกะ อิจิบังยากูซ่าผู้เป็นเด็กกำพร้าและเติบโตขึ้นมาใต้การเลี้ยงดูของพนักงานและโสเภณีของอาบอบนวด จนชีวิตพลิกผันและได้มาทำงานภายใต้สังกัดของกลุ่มอาราคาวะและคุมโดยพ่อใหญ่อาราคาวะ มาซึมิ ซึ่งทุกอย่างก็ดูจะดำเนินไปอย่างปกติสุข จนกระทั่งวันหนึ่งที่อาราคาวะ มาซึมิมาขอร้องให้อิจิบังต้องรับผิดแทนคน ๆ หนึ่ง ส่งผลให้อิจิบังต้องไปติดคุกนานถึง 18 ปี และเมื่อเขาพ้นโทษออกมาเหตุการณ์ที่จะพลิกผันชีวิตของเขาอีกครั้งก็ได้เริ่มต้นขึ้น

เนื้อหาในภาคนี้จะเล่นประเด็นในเรื่องของ “ความเป็นสีเทา” ของสังคมอย่างชัดเจน และถือเป็นประเด็นหลักในการบอกเล่าเรื่องราวในครั้งนี้เลยก็ว่าได้ จากเดิมที่ซีรีส์นี้จะเน้นเรื่องราวในโลกเบื้องหลังของเหล่ายากูซ่าเป็นหลัก (ที่เปรียบเหมือนเป็นความมืดของสังคม) และมีการแตะโลกเบื้องหน้าบ้างเล็กน้อยเท่านั้น แต่ในภาคนี้จะผูกเรื่องราวโดยเน้นความสัมพันธ์ของฝ่ายโลกเบื้องหน้าและโลกเบื้องหลังแบบตรง ๆ ในระดับที่มีการอ้างอิงชื่อของพรรคการเมืองจริงในประเทศญี่ปุ่นมาใช้เลยทีเดียว หากโลกความเป็นจริงมีพรรค “จิมินโต” (LDP หรือ Liberal Democratic Party หรือพรรคเสรีประชาธิปไตยญี่ปุ่น) ฉันใด ในเกมก็มีพรรค “มินจิโต” (CLP หรือ Citizen’s Liberal Party หรือพรรคเสรีพลเรือนญี่ปุ่น) ฉันนั้น

และไม่ใช่แค่เรื่องราวในระดับแกนใหญ่ที่เล่นในประเด็นความเป็นสีเทาอย่างที่ว่ามา หากแต่ถ้ามองลึกในระดับตัวละครแล้วก็เห็นได้ว่ามีการเล่นประเด็นความเป็นสีเทาของตัวละครผู้ดำเนินเรื่องหลักสองคนด้วยเช่นกัน คนหนึ่งนั้นชาติกำเนิดต้อยต่ำเรียกได้ว่าอยู่ในระดับล่างสุดของสังคม หากแต่จิตใจสว่าง เป็นคนซื่อตรงและจริงใจ ส่วนอีกคนหนึ่งถือกำเนิดมาโดยมีทุกอย่างพร้อมมูล หากแต่จิตใจนั้นดำมืดอำมหิตพร้อมกำจัดทุกคนที่ขวางทาง ซึ่งชีวิตของทั้งสองที่เกี่ยวพันกันก็คือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมดก็ว่าได้ หากจะว่าไปแล้ว เนื้อหาดังที่กล่าวมาเป็นอะไรที่สามารถพบเห็นได้ในสื่อบันเทิงเรื่องอื่น ๆ และแขนงอื่น ๆ มากมาย แต่การนำเสนอของเกมนี้ทำออกมาได้สนุกเร้าใจ สะเทือนอารมณ์และเต็มไปด้วยจุดพลิกผันในหลายจังหวะ ทำให้เนื้อเรื่องน่าติดตามตั้งแต่ต้นยันจบเกมครับ

ไม่เพียงเท่านั้น บรรดาตัวละครต่าง ๆ ที่ร่วมปาร์ตี้ของเราต่างก็มีบุคลิกลักษณะนิสัยที่โดดเด่นชัดเจน แต่ละคนมีภูมิหลังและมีบาดแผลบางอย่างด้วยกันทั้งนั้น จะเรียกว่าการอยู่รวมกลุ่มเป็นปาร์ตี้เดียวกันคือต่างฝ่ายต่างช่วยเหลือกันในด้านจิตใจคอยช่วยพยุงกันก็ไม่ผิดนัก การมีเพื่อนพ้องแบบนี้ก็สอดคล้องกับการเปลี่ยนตัวเอกด้วย เพราะในนัยหนึ่งอิจิบังเองก็ยังไม่แข็งแกร่งพอที่จะยืนหยัดได้ลำพัง ยังต้องอาศัยความช่วยเหลือจากเพื่อนพ้องอยู่นั่นเอง

เกมเพลย์

อย่างที่ผู้เล่นหรือแฟนเกมทราบกันดีอยู่แล้วว่า Yakuza: Like A Dragon ได้เปลี่ยนเป็นเกมแนว RPG จากเดิมที่ทุกภาคเป็นเกมแอ็กชัน Beat’em Up ซึ่งแน่นอนว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ สร้างความกังวลว่าจะทำให้เกมภาคนี้สนุกสนานเหมือนเกมภาคเก่าหรือไม่ ซึ่งก็ต้องบอกได้เลยว่าภาคนี้มอบประสบการณ์เกม Yakuza ที่ทั้งแปลกใหม่ แถมมีความสนุกสนานตามฉบับเกม RPG

ระบบ RPG ของ Yakuza: Like A Dragon เป็นรูปแบบผลัดเทิร์น คือมีคำสั่งให้เลือกโจมตี, ใช้ไอเทม, ใช้สกิล Heat Action , ป้องกัน และวิ่งหนี หลังจากเลือกคำสั่งเสร็จ เกมจะผลัดเทิร์นระหว่างฝั่งปาร์ตี้ของเราและฝั่งศัตรู ทำให้เกมการเล่นเน้นวางแผนและเตรียมตัวก่อนเข้าสนามรบมากขึ้น ไม่เหมือนเกมเก่าที่เน้นใช้ฝีมือการเล่นเป็นหลัก

ระบบความคืบหน้า ถือว่าไม่มีความซับซ้อนหรือมีรายละเอียดล้ำลึก โดยเลเวลของเกมนี้จะแบ่งเป็น 2 แบบ คือเลเวลของตัวละคร และเลเวลของอาชีพ ซึ่งเลเวลทั้งสองแบบสามารถเก็บค่าประสบการณ์ได้จากการต่อสู้ล้วน ๆ และหากตัวละครเลเวลขึ้น ตัวเกมจะเพิ่มค่าสถานะตัวละครให้เองตามอัตโนมัติ ส่วนกรณีของเลเวลอาชีพ ตัวเกมจะปลดล็อกสกิลอาชีพใหม่ที่เป็นประโยชน์ต่อการต่อสู้มากขึ้นให้เอง

นอกจากนี้ ตัวละครจะมีค่านิสัย ช่วยให้เราสามารถปลดล็อกอาชีพใหม่ และเสริมความแข็งแกร่งให้กับบางอาชีพ ซึ่งนิสัยสามารถเพิ่มได้จากการทำกิจกรรมต่าง ๆ หรือตอบคำถามจากเควสต์เสริม เหมือนที่กล่าวไว้ข้างต้น

อาชีพของเกมมีตัวเลือกค่อนข้างหลากหลาย แถมมีความบ้าบอสไตล์เกม Yakuza อีกด้วย โดยผู้เล่นสามารถแต่งตั้งให้ตัวละครปาร์ตี้เป็นอาชีพไหนก็ได้ อยากให้เป็นนักดนตรีคอยซัพพอร์ตให้ปาร์ตี้ อยากเป็นให้เป็นไอดอลคอยให้กำลังใจ หรือเป็นแดนเซอร์เน้นโจมตีเป็นหมู่คณะ คุณสามารถจัดการได้เอง และหากเบื่ออาชีพเก่าแล้ว ก็สามารถเปลี่ยนไปเล่นอาชีพใหม่ได้ตลอดเวลาที่ Hero Work (เป็นบริษัทช่วยหางานในเกม)

โดยรวมแล้วระบบ RPG ของเกมนี้ ผู้เล่นสามารถเข้าใจได้ง่าย เพราะตัวเกมจะปลดล็อกให้ผู้เล่นเองหมดทุกอย่าง และรายละเอียดความคืบหน้าของเกมไม่ซับซ้อน แถมมีความสนุกสนานเพลิดเพลินอย่างน่าประหลาด แม้ระบบ RPG ไม่ได้ล้ำจนเกิดนวัตกรรมใหม่ ๆ ก็ตาม

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากมีการเปลี่ยนระบบเกมเพลย์เป็นแนว RPG ผลัดเทิร์น ทำให้ความเร็วในการเล่นเกมช้าลงมาก ๆ การต่อสู้ยืดเวลายาวหลายครั้ง (ขึ้นอยู่กับความแกร่งของตัวละคร และการวางแผนของผู้เล่น) ซึ่งบางบอสไฟต์ของเกมนี้ อาจใช้เวลาเล่นนานเกิน 10 นาทีเลยก็ว่าได้

นอกจากนี้ หากผู้เล่นประสบปัญหาไม่สามารถปราบบอสได้ ก็มีวิธีอย่างเดียวคือเกมเมอร์ต้อง Grinding EXP, เงิน และค่าสถานะ เพื่อให้ตัวละครมีแข็งแกร่งและใช้เงินซื้ออาวุธกับเสื้อเกราะดี ๆ ซึ่งแตกต่างจากเกม Yakuza ภาคเก่าที่ผู้เล่นต้องกลับฝึกเล่นใหม่ ฉะนั้นใครที่ไม่ชอบการ Grinding อาจจะต้องส่ายหน้ากันบ้าง

โดยรวมแล้ว เกมเพลย์ Yakuza: Like A Dragon จัดว่ามีความสนุกสนานตามสไตล์เกม RPG คลาสสิก ที่เล่นได้อย่างเพลิดเพลินและเสพติดง่าย แม้ระบบความคืบหน้ากับเกมเพลย์ไม่มีรายละเอียดเยอะหรือมีความล้ำพิเศษ แต่ก็แทบไม่มีข้อให้ติเตียนเช่นกัน ถ้าหากบังคับให้เลือกข้อเสีย ก็ไม่มีทางหนีพ้นด้านเกมเพลย์ช้าลงและใช้เวลาต่อสู้ยืดกว่าเกมภาคเก่า ซึ่งอาจไม่ถูกใจสำหรับเกมเมอร์สายแอ็กชันบู๊แหลกแน่นอน

กราฟิก

เกมนี้ยังคงพัฒนาโดยใช้ Dragon Engine ซึ่งเป็นเอนจินเกมของค่าย Ryu Ga Gotoku Studio พัฒนาขึ้นมาสำหรับการสร้างเกมของทีมงานโดยเฉพาะ

ภาพกราฟิกโดยรวมแล้ว ยังคงมีความคล้ายคลึงกับ Judgment แม้กราฟิกโดยรวมไม่ได้สวยงามระดับสุดยอด หรือก้าวกระโดดจากเกมภาคเก่า แต่ก็ถือเป็นเกมหนึ่งที่มีภาพสวยงามไม่ขี้เหร่ โดยเฉพาะด้านแสงเงา เอฟเฟกต์ต่าง ๆ และความคมชัดของโมเดลใบหน้าตัวละครที่ออกแบบได้อย่างสมจริง

แต่สิ่งที่มีการปรับปรุงใน Yakuza ภาคนี้คือด้านประสิทธิภาพสามารถรันเกมด้วยภาพ 1080p/30 FPS ได้เสถียรกว่าเดิม จากการเล่นเกม 10 ชั่วโมงขึ้นไป เราไม่พบอาการเฟรมเรตตกหรือบั๊กระหว่างการเล่นบน PlayStation 4 Pro ซึ่งถือเป็นเกมที่มีภาพลื่นไหล 30FPS แทบตลอดเวลา รวมถึงหากเปรียบกับเกม Judgment และ Yakuza 6 ที่เฟรมเรตบางช่วง แถมตัวละครสามารถขยับปาก (Lip Sync) มีความเที่ยงตรงกับเสียงมากขึ้นอีกด้วย

สรุป

Yakuza Like a Dragon ถือเป็นก้าวย่างที่ความเสี่ยงสูงสำหรับ Sega พอดูเพราะเปลี่ยนแนวเกมที่หลายคนคุ้นเคยจากหน้ามือเป็นหลังมือ แม้หลายคนอาจไม่คุ้นชิน แต่ถ้าได้ลองทำความรู้จักแล้วก็จะพบว่าแท้จริงก็ยังคงเป็นเกมเดิมที่คงเสน่ห์ของซีรีส์เอาไว้อย่างครบครัน เพียงแต่คุณอาจต้องใช้เวลาปรับตัวมากสักหน่อย ถึงกระนั้นถ้าเป็นไปได้ หากว่าภาคหน้าจะยังคงสไตล์เกม JRPG เอาไว้เช่นนี้ผมก็หวังว่าทีมงานอาจจะต้องลดทอนการบีบให้ผู้เล่นต้อง grinding กันหนัก ๆ ลงไปบ้างเพื่อให้เกมเป็นมิตรกับผู้เล่นมากขึ้นครับ อ้อ แล้วผมก็ยังอยากเล่นภาคแอ็กชันอยู่เหมือนกันนะ

สามารถซื้อได้ที่ :

ติดตามรีวิวเกมได้ที่ : Funnygamings

ติดตาม Page Facebook ได้ที่ : Funnygamings