Review : league of legends wild rift ระเบิดความมันไปกับประสบการณ์ใหม่ บนมือถือ!!

league of legends wild rift

Funnygamings : รีวิวเกม league of legends wild rift

league of legends wild rift นั้นเป็นเกมแนว Mobile-MOBA ทำให้องค์ประกอบหลาย ๆ อย่างในเกมค่อนข้างคล้ายคลึงกับเกมอื่น ๆ ในตลาดที่เราเคยเล่นมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นแผนที่, Objective ต่าง ๆ ในเกม แม้กระทั่ง Hero บางตัวก็มีความสามารถที่คล้ายกันมาก ดังนั้นผู้ที่เคยมีประสบการณ์จากเกมอื่น ๆ มาก่อนหน้านี้แล้วจึงจะได้เปรียบในการเล่นครั้งแรกพอสมควร และจะเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็วหลังจากนั้น

และสำหรับคนที่เคยเล่น LOL PC มาก่อน ก็ต้องบอกว่าคุณนั้นจะได้เปรียบมาก ๆ เพราะ Wild Rift ก็คือ LOL เกมเดิมที่คุณเคยเล่นนั่นเอง ทั้งระบบเลน, ป่า, ไอเทม, และสกิลของ Champion ที่มีความเหมือนกันแทบจะ 100% Mobile MOBA เกมอื่นมาก่อนด้วยแล้ว คุณก็แทบจะพร้อมก่อนเปิดเกมเสียด้วยซ้ำ

ดังนั้นไม่ว่าคุณจะเป็นคนที่เคยมีประสบการณ์มาก่อนหรือไม่ Wild Rift ก็เป็นเกมที่ออกแบบมาเพื่อรองรับกับผู้เล่นทุกคนอยู่แต่แรกแล้ว สิ่งที่ทุกคนต้องทำเหมือนกันก็คือปรับตัวให้คุ้นกับการควบคุมแบบใหม่ และเรียนรู้ความแตกต่างในหลาย ๆ จุดที่จะสามารถเอามาใช้ประโยชน์ได้ในการเล่นต่อไป บางอย่างอาจดีขึ้นจากเกมอื่น ๆ เช่นระบบการควบคุมตัวละครที่ปรับแต่งได้อย่างอิสระ แต่บางอย่างก็ต้องเรียนรู้การใช้งานใหม่ตั้งแต่เริ่ม เช่นระบบ Aim ของ Auto Attack ที่ยังไม่เคยมีเกมไหนทำมาก่อน ซึ่งหากเรียนรู้ได้ไวก็จะยิ่งได้เปรียบมากขึ้นในการต่อสู้

  • Gameplay

อาจจะไม่ต้องอธิบายอะไรมากสำหรับผู้ที่รู้อยู่แล้วว่า League of Legends คือเกมอะไร มันคือเกม MOBA ที่ทุกคนรู้จักกันดี เพราะเปิดให้บริการบน PC มายาวนานนับ 10 ปีแล้ว และในที่สุดทางเจ้าของเกมอย่าง Riot ก็ตัดสินใจที่จะนำเกมนี้มาลงให้กับมือถือ โดยยังอ้างอิงรูปแบบการเล่น และสกิลต่าง ๆ ของแต่ละตัวละครให้เป็นแบบเดิมไว้ แต่ปรับรายละเอียดในส่วนของเกมเพลย์ให้กระชับฉับไว และเหมาะสมกับการเล่นบนมือถือมากยิ่งขึ้น

สำหรับมือใหม่ ไม่ใช่ปัญหา เพราะในบทเรียนสอนเล่นนั้นแทบจะบอกทุกสิ่งทุกอย่างที่จำเป็นเอาไว้ครบ ขอเพียงอ่าน ไม่กด Skip จบโหมดฝึกมาเล่นเป็นทุกคนแน่นอน แต่ปัญหาน่าจะอยู่ที่เหล่าคนเล่นเกมนี้ที่ย้ายมาจากเกมอื่น หรือแม้กระทั่งย้ายมาจากเกมเดียวกันบน PC เพราะหลายสิ่งหลายอย่างถูกปรับเปลี่ยนไป

เริ่มจากระบบที่คนเล่น PC รู้กันดี การซื้อไอเทม ตามปกติแล้วในเกม MOBA บนมือถือเกมอื่น เมื่อเงินถึง ก็สามารถกดซื้อของตรงนั้นได้เลย ไม่จำเป็นต้องกลับฐาน แต่ใน Wild Rift การซื้อไอเทมทุกครั้งจะต้องกลับไปซื้อที่ฐานของตัวเอง ซึ่งการทำแบบนี้จะสามารถป้องกันสิ่งที่เรียกว่าการ Snowball ได้ Snowball คืออะไร ? Snowball แปลตรงตัวคือลูกบอลหิมะ ซึ่งคำนี้ใช้กับเกม MOBA โดยมีความหมายถึงลูกบอลหิมะที่กลิ้งไปเรื่อย ๆ จากลูกเล็ก กลายเป็นลูกใหญ่ขึ้น ๆ เปรียบเสมือนทีมหรือตัวละครในเกมที่ฆ่าได้เยอะขึ้นเรื่อย ๆ จนโหด และปราบยาก

ในเกม MOBA เกมอื่น หากทีมไหนได้เปรียบ ฆ่าได้เรื่อย ๆ ดันป้อมได้เรื่อย ๆ ก็จะได้เงินไปกดซื้อของเข้าตัวโดยไม่ต้องกลับบ้าน ปิดประตูชนะของทีมตรงข้ามไปโดยปริยาย เพราะไม่มีเวลาให้พักหายใจคหายคอ แถมไอเทมฝ่ายตรงข้ามก็โหดขึ้นทุกที ๆ การที่ Wild Rift ปรับให้ต้องกลับบ้านก่อนซื้อของ จึงทำให้เพิ่มโอกาสให้กับทีมที่เสียเปรียบได้จัดรูปทีมกันใหม่ หรือมีเวลาวางแผนว่าควรจะทำอย่างไรถึงจะพลิกมาเป็นได้เปรียบได้

ส่วนต่อมาคือเรื่องของ Ward ซึ่งเป็นระบบหลักบน PC แต่เกมมือถือเกมอื่นไม่ค่อยมี สิ่งนี้คือไอเทมที่จะช่วยแสดงพื้นที่บางจุดของแผนที่ วางไว้ในจุดที่เราคิดว่าจะถูกซุ่มโจมตีจากตำแหน่ง Jungle หรือโดนผู้เล่นอื่นเข้ามาแก๊ง ปกติแล้ว หน้าที่หลักที่ต้องคอยปัก Ward จะเป็น Support แต่พอมาเป็นเกมมือถือ ทุกคนต้องช่วยกันปัก และคอยสอดส่อง Objective และอุปสรรคในเลนของตัวเอง เพื่อพาทีมไปสู่ชัยชนะ

ผู้เล่นทั้ง 5 คนจะต้องสามัคคีและทำงานกันเป็นทีมมากกว่าเกมไหน ๆ ซึ่งเป็นจุดเด่นของเกม MOBA อยู่แล้ว เพียงแต่พอมาเป็นบนมือถือที่ใคร ๆ ก็เข้าถึงเกมได้ง่ายมาก เลยอาจจะมีปัญหาตรงส่วนนี้กันเล็กน้อย ตรงที่จะมีผู้เล่นใหม่เข้ามาเยอะเกิน และไม่เข้าใจระบบการเล่นจริง ๆ

นอกจากระบบการซื้อของที่ฐานและการปัก Ward เพื่อดูจุดในแผนที่แล้ว นอกนั้นก็จะใช้หลักการเล่นเหมือนเกม MOBA ทั่วไป คือเน้นการฟาร์ม การบวกให้ถูกจังหวะ และใช้ทีมไฟท์แบบ 5vs5 ในการเอาชนะทุกไฟท์ และตีป้อม Nexus จนจบเกม

  • Hero

“Champion” (แชมป์เปี้ยน หรือ แชมป์) คือคำที่ใช้เรียก Hero ในเกมนี้ ดังนั้นหากเห็นใครที่เรียกตัวละครในเกมด้วยคำนี้ก็ไม่ต้องแปลกใจ เพราะพวกเขาคือผู้ที่เคยเล่น LOL มาก่อนนั่นเอง โดยในช่วงแรกอาจมีความรู้สึกแปลก ๆ ในการเรียกอยู่บ้าง (เพราะเกม MOBA ส่วนใหญ่จะเรียกตัวละครว่า Hero) แต่เมื่อเล่นไปได้ระยะหนึ่ง ความเคยชินก็จะทำให้ความรู้สึกแปลก ๆ ที่ว่าหายไปเองอย่างแน่นอน

ตามเนื้อเรื่องดั้งเดิม พวกเขาคือตัวแทนของดินแดนต่าง ๆ ในการต่อสู้เพื่อยุติข้อพิพาทหรือตัดสินปัญหาบางอย่าง (เช่นสงคราม) โดยหาก Champion ทีมไหนสามารถทำลาย Nexus ของฝ่ายตรงข้ามได้ก่อน ก็จะเป็นฝ่ายชนะและถือว่าพวกเขามีสิทธิ์ที่พวกเขาอ้าง อย่างเช่นการเป็นผู้ชนะในการทำสงครามเป็นต้น วิธีนี้ทำให้แต่ละดินแดนไม่ต้องเสียเลือดเนื้อของผู้คนในการต่อสู้ รวมถึงรักษาสมดุลของพลังที่คอยค้ำจุนโลก Runeterra ที่กำลังใกล้แตกดับเอาไว้

ปัจจุบัน LOL มี Champion ทั้งหมด 152 คน ไม่รวมแชมป์ที่กำลังจะเข้ามาในอนาคตที่มีข่าวแล้ว และอีกจำนวนหนึ่งที่ยกเลิกการพัฒนาไป และใน Wild Rift ในช่วง Open Beta นี้จะมีให้เล่นทั้งหมด 49 คน

  • Tutorial mode

เช่นเดียวกับเกมทั่วไปที่จะมีโหมด Tutorial และเป็นปรกติเช่นกันที่โหมดฝึกฝนนี้จะให้รางวัลเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อเป็นการเริ่มต้นที่ดีและสร้างความประทับใจแรกแก่ผู้เล่นในการที่จะอยู่กับเกมนี้ไปอย่างยาวนาน Wild Rift ก็เช่นกัน ในโหมด Tutorial ของเกมจะถูกแบ่งเป็น 2 ส่วน ในส่วนแรกจะเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องเจอเหมือนกันเมื่อเข้าเกมมา โดยจะเป็นการแนะนำการควบคุมพื้นฐานในเกม และให้เราได้มีโอกาสได้ลองเล่น Champion บางส่วน ประกอบด้วย Garen, Jinx, Blitzcrank, Ahri, และ Master Yi ซึ่งก็จะแทนตำแหน่ง Figther, Carry, Mage, Support, และ Jungle ตามลำดับ

ในโหมดฝึกภาคบังคับนี้จะไม่ยาวมากนัก และเมื่อจบการฝึกเราก็ได้จะรับ Champion 1 ในตัวที่ให้ทดลองเล่นมาด้วยฟรี ๆ เพราะฉะนั้นแล้วในโหมดนี้ให้เราทำการลองเล่น Champion ที่ให้ลองครบทุกตัวเพื่อให้รู้ว่าตัวเองเหมาะสำหรับใครหรือสายไหนมากที่สุด อย่างไรก็ตาม Champion ทั้งหมดที่เห็นก็จะมีแจกฟรีครบทุกตัวเมื่อเรา LV มากขึ้น เพราะงั้นจะหลับตาเลือกก็ไม่เป็นไร

และในโหมดฝึกขั้นสูง จะเป็นการแนะนำระบบต่าง ๆ ของเกมที่ลึกกว่าในโหมดบังคับ ประกอบด้วยโหมดฝึก 9 อย่าง ซึ่งเมื่อผ่านการทดสอบจนครบแล้ว เราก็จะได้ Blue motes ที่เพียงพอสำหรับการซื้อ Champion 1 ตัวเป็นของรางวัล ซึ่งก็สามารถเอาไปปลดล็อกแชมป์ฯ ที่เราอยากเล่นออกมาได้ทันที เพราะฉะนั้นหากเกิดถูกใจใครขึ้นมาแล้วเงินไม่พอซื้อ ก็ให้เปิดโหมดฝึกขึ้นมาทำได้เลย

  • เล่น heroes ให้ตรงสาย

เล่น heroes ให้ตรงสาย
ทีนี้ก็เริ่มเข้าสู่เรื่องสำคัญกันบ้าง การเลือก heroes ให้ตรงสายนั้นสำคัญอย่างมากต่อการเอาชนะเกม โดยการแบ่งประเภทของ heroes ใน Wild Rift จะมีความแตกต่างกับเกมอื่น ๆ เล็กน้อยในชื่อที่ใช้เรียก แต่ในภาพรวมก็มีทั้งหมด 6 สายเช่นเดียวกับ Mobile-MOBA ทั่วไป ได้แก่

  1. Tank – แนวหน้าประจัญบาน อึดถึกตายยาก คอยคุ้มกันเพื่อน ๆ ให้ปลอดภัย
  2. Fighter – หน่วยต่อสู้ระยะประชิด เป็นกำลังหลักในการปะทะ
  3. Marksman หรือ Attack Damage Carry (AD Carry) – ตัวทำความเสียหายด้านกายภาพหลักของทีม
  4. Mage หรือ Ability Power Carry (AP Carry) – ตัวทำความเสียหายด้านเวทมนตร์หลักของทีม
  5. Controller – หน่วยสนับสนุนทั้งการเพิ่มประสิทธิภาพในการต่อสู้ของเพื่อนและลดความสามารถของศัตรู
  6. Specialists – สายพิเศษที่ทำได้หลากหลาย หรือมีความสามารถที่เฉพาะทางมาก ๆ

โดยทั่วไปแล้ว ผู้เล่นทั้ง 5 คนในทีมควรที่จะเล่น Champion สายที่ไม่ซ้ำกันเลยในทีมเดียวกัน เพื่อให้แต่ละคนแสดงประสิทธิภาพของ Champion ที่หยิบมาได้ดีที่สุด และยังเป็นการเพิ่มภาระในการป้องกันให้กับทีมตรงข้ามอีกด้วย เพราะหากมีสายซ้ำกันเช่น มีแต่ AD Carry แต่ไม่มี AP Carry ทีมตรงข้ามก็อาจไอเทมป้องกันการโจมตีกายภาพมาทั้งหมด ทำให้เราเสียเปรียบมากในการต่อสู้ระยะยา

สามารถชมรายละเอียดแบบเจาะลึกได้ที่ Link ด้านล่างนี้ ซึ่งอาจจะขาด Champion บางคนที่พึ่งอัปเดตเข้ามาภายหลัง แต่ข้อมูลนี้ก็เป็นประโยชน์มากพอที่จะใช่จำแนกชนิดของ Champion ที่เข้ามาในอนาคตได้

  • Objective

ใช้ Objective ให้เกิดประโยชน์สูงสุด หากไม่นับมอนเตอร์ป่าทั่วไปที่มีอยู่ในเกม Mobile MOBA เกมอื่น ๆ เหมือนกันแล้ว ในส่วนขององค์ประกอบต่าง ๆ ที่อยู่ใน Map โดยภาพรวมแล้วก็ถือว่าใกล้เคียงกับ Mobile MOBA เกมอื่น ๆ โดยเกมยังจะมี 3 เลน, 9 Tower (Turret) มีแคมป์ป่า, แคมป์ Red และ Blue รวมถึงมีหลุมของมอนเตอร์ขนาดใหญ่อีก 2 แห่ง โดยจะอธิบายเป็นข้อ ๆ ดังนี้

  • Red Brambleback (Red Buff) – มอนเตอร์สีแดง อยู่ทางป่าเลนล่างของผู้เล่นเสมอ เมื่อฆ่าจะได้บัพเพิ่ม True Damage ให้การโจมตีปรกติและทำให้ Slow แต่ไม่มีผลเพิ่มการพื้นฟู HP เหมือนใน PC ผลของ Red Buff ทั้งหมดจะแรงขึ้นหากเป็น Champion โจมตีระยะประชิด บัพอยู่ได้ 90 วินาที (1 นาทีครึ่ง) และ Red Buff จะเกิดใหม่ทุก ๆ 150 วินาทีหลังถูกฆ่า (2 นาทีครึ่ง)
  • Blue Sentinel (Blue Buff) – โกเลมสีฟ้า อยู่ป่าเลนบนของผู้เล่นเสมอ เมื่อฆ่าจะได้บัพเพิ่มการ Regeneration ของ mana และ energy แต่จะไม่มีบัพลด Cooldown skill เหมือนใน PC แลกมากับความสามารถที่หากไม่ได้อยู่สนสถานะต่อสู้ระยะหนึ่ง จะให้ผล Regen HP ด้วย บัพอยู่ได้ 90 วินาที (1 นาทีครึ่ง) Blue Buff จะเกิดใหม่ทุก ๆ 150 วินาทีหลังถูกฆ่า (2 นาทีครึ่ง)
  • Rift Scuttler (แมลง Ward) – จะเกิดบริเวณหลุมมังกรและบารอนในช่วงต้นเกม เมื่อฆ่าได้พื้นฟู Hp/Mp พร้อมกลายเป็น Ward ชั่วคราวให้ทีมนั้น ๆ และทำให้ Champion ทีมเดียวกันที่เดินผ่านได้รับความเร็วการเคลื่อนที่เพิ่มขึ้น เมื่อ Rift Scuttler ทั้งเลนบนและล่างตาย (ต้องตายทั้งคู่) ก็จะสุ่มเกิดใหม่ใน 25 วินาทีหลังจากสภาพ Ward ชั่วคราวหายไป และหลังจากนี้จะมีเกิดแค่ตัวเดียวเท่านั้นไปตลอดทั้งเกม (สุ่มไม่เลนบนก็เลนล่าง) มีความสำคัญอย่างมากสำหรับ Jungle โดย Rift Scuttler จะไม่โจมตีผู้เล่น แต่จะเดินหนีไปเรื่อย ๆ เมื่อถูกโจมตี
  • Rift Herald – จริง ๆ แล้วมันคือ Rift Scuttler ที่ถูกพลังของ The Void ดูดเข้าไป เกิดเมื่อครบ 6 นาทีในหลุมบารอนและจะเกิดเพียงตัวเดียวเท่านั้นในเกม โดยจะอยู่เลนบนสำหรับ Blue team และอยู่เลนล่างหากเป็น Red team
  • เมื่อฆ่าได้ Champion ที่ฆ่าจะได้รับสกิลในการเรียก Rift Herald ออกมาเป็นพวกชั่วคราว โดยมันเดินเข้าสู่เลนที่ใกล้ที่สุด สามารถโจมตี minion และ Champion ได้หากถูกโจมตีก่อน และมีสกิลในการโจมตีอย่างรุนแรงใส่ Turret (ป้อม) แนะนำให้กดใช้ในเลนที่กำลังได้เปรียบ
  • Elemental Dragon – มังกรใน Wild Rift มีทั้งหมด 4 ธาตุ มังกรทุกธาตุจะเกิดแค่ 1 ครั้งตลอดทั้งเกม มังกรตัวแรกเกิดใน 4 นาที และจะเกิดใหม่ใน 4 นาทีหลังจากตาย เมื่อมังกรตายครบ 3 ตัว มังกรตัวที่ 4 จะเกิดเป็น Elder Dragon ที่แข็งแกร่งกว่ามังกรทั่วไป และจะออกมาเป็นธาตุที่ยังเหลืออยู่ที่ยังไม่เกิดเสมอ มังกรจะเกิดในหลุมมังกร ที่จะอยู่เลนล่างสำหรับ Blue team และอยู่เลนบนหากเป็น Red team
  • มังกรจะให้บัพที่ติดตัวทีมไปตลอดทั้งเกม จึงมีความสำคัญอย่างมากและไม่มีเหตุผลใด ๆ ที่จะไม่ฆ่ามังกรหากมีโอกาสทำได้โดยมั่นใจว่าศัตรูจะไม่รู้ตัว มังกรแต่ละธาตุจะให้บัพดังต่อไปนี้ โดยที่ Elder Dragon จะให้บัพในลักษณะเดียวกันแต่จะให้ผลมากกว่าเสมอ (แสดงในวงเล็บด้านล่าง)
    * Mountain Dragon: สร้างโล่ที่มี Hp เท่ากับ 6 (9) % ของ Max Hp เรา หลังจากที่ไม่ถูกโจมตีเป็นเวลา 5 วินาที
    * Ocean Dragon: มอบบัพดูเลือดทั้งกายภาพและเวทมนตร์ 8 (12) %
    * Cloud Dragon: มอบบัพเพิ่มความเร็วการเคลื่อนที่ 7.5 (11.5) % โดยผลจะเพิ่มขึ้น 2 เท่าหากไม่ได้ต่อสู้
    * Infernal Dragon: เพิ่มความเสียหายที่ทำได้จากทุกรูปแบบ 8 (12) %
    * หากมังกรที่ฆ่าเป็น Elder Dragon จะมีบัพที่ทำให้การโจมตีทำความเสียหายต่อเนื่องเป็น True damage ด้วย
  • Baron Nashor – มอนเตอร์ที่แข็งแกร่งที่สุดในเกม เกิดตัวแรกเมื่อครบ 10 นาที และเกิดใหม่ทุก ๆ 3 นาทีเมื่อตาย ทีมที่ฆ่าได้จะได้นับบัพสุดแกร่งที่เพิ่มความสามารถของ Minion ใกล้ ๆ ตัวอย่างมาก, ลดเวลาการ Recall พร้อมเพิ่มความเสียหายที่เราทำได้ชั่วระยะเวลาหนึ่ง เกิดในหลุมบารอน ที่จะอยู่เลนบนสำหรับ Blue team และอยู่เลนล่างหากเป็น Red team
  • เช่นเดียวกับ Elemental Dragon นี้เป็น Objective ที่สำคัญมากและควรฆ่าทันทีที่มีโอกาสทำได้ ทั้งนี้ก็ควรดูความพร้อมของทีมด้วยทั้งในด้านพลังและจังหวะ เพราะไฟต์หน้าบารอนมักเป็นจุดพลิกของเกมที่เกิดขึ้นได้บ่อยครั้งและตัวบารอนเองก็มีความแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก

สำหรับ Jungle ของเกมที่จำเป็นต้องปะทะกับมอนเตอร์เหล่านี้เป็นประจำ ทาง Wild Rift ก็ได้มีออฟชั่นพิเศษสำหรับสกิลที่ใช้ฟาร์มอย่าง Smite ที่จะมีให้เลือกชนิดเช่นเดียวกับใน PC โดยจะได้หลังจากที่จัดการแคมป์ของมอนเตอร์ป่าไปได้แล้ว 4 แห่ง

  • Challenging Smite (สีแดง) – สร้างความเสียหายอย่างรุนแรงใส่ยูนิตที่ไม่ใช่ Champion หรือ Turret และ Heal ตัวเองหากยิงใส่มอนเตอร์ป่า หากยิงใส่ Champion จะสร้างความเสียหายพร้อมทำให้เป้าหมายถูกโจมตีแรงขึ้น
  • Chilling Smite (สีฟ้า) – สร้างความเสียหายอย่างรุนแรงใส่ยูนิตที่ไม่ใช่ Champion หรือ Turret และ Heal ตัวเองหากยิงใส่มอนเตอร์ป่า หากยิงใส่ Champion จะสร้างความเสียหายพร้อม Slow เป้าหมาย
    และอีกสิ่งที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดคือ ใน Wild Rift ผู้เล่นจะต้องกลับฐานเพื่อซื้อของ ไม่สามารถจากที่ไหนก็ได้เหมือนเกมอื่น ๆ จุดนี้ทำให้การเล่นต้องมีการวางแผนมากขึ้นเพราะการทิ้งเลนไปซื้อของและเติม HP นั้นคือเวลาที่ฝ่ายตรงข้ามสามารถโจมตีสวนมาได้
  • ทำให้สังคมเกมน่าเล่น

ในข้อนี้จะเรียกว่าเป็นการพูดคุย, ขอร้อง, ขอให้ระวัง, หรือแนะแนวกันอีกครั้งก่อนเข้าเกมก็ได้ โดยเชื่อว่าแต่ละคนก็น่าจะเคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับเกม MOBA หรือแนว PvP เกมอื่น ๆ มาไม่มากก็น้อย ดังนั้นสิ่งที่จะเกิดขึ้นใน Wild Rift ก็ไม่ต่างกัน เราอาจเจอทั้งผู้เล่นที่ดี, เก่ง, เกรียน, หัวร้อน, หรืออะไรก็ตามที่พอจะนึกออกได้ บางทีอาจมา 2-3 แบบในคนเดียวกัน ก็สุดแล้วแต่บุญแต่กรรมที่แต่ละคนทำเอาไว้

ใน LOL: Wild Rift นี้ เรียกได้ว่าอาจจะเป็นครั้งแรกของหลาย ๆ คน ที่จะได้เล่นเกมในระดับ international เป็นครั้งแรก เพราะเซิร์ฟเวอร์ของเกมจะเป็นแบบรวมหลาย ๆ ประเทศเข้าด้วยกัน ทำให้เรามีโอกาสสูงที่จะเจอผู้เล่นต่างชาติในทีม แน่นอนว่ามันย่อมตามมาด้วยความวุ่นวายที่เกิดจากเล่น, การสื่อสาร, และอื่น ๆ ที่เรามีโอกาสเจอมากขึ้น มากกว่าการเล่นกับคนชาติเดียวกัน สิ่งนี้ทำให้ระบบดูแลผู้เล่นของ Wild Rift มีความเข้มงวดเป็นอย่างมาก

ตัวอย่างเช่น โทษของการ AFK ในช่วงทดสอบคือ การแบนสูงสุดถึง 12 ชม. แม้จะเป็นการหลุดแบบไม่ได้ตั้งใจก็ตาม และโทษของการกระทำอื่น ๆ ที่ร้ายแรงกว่าก็เพิ่มขึ้นตามความผิดที่ได้ทำนั้น เช่นการแบนผู้ที่ขาย ID ระหว่างการทดสอบนานถึง 720 ชม. และสูงสุดคือขั้นแบน Riot ID ที่ทำให้ข้อมูลในเกมอื่น ๆ ถูกบล็อกไปด้วย

ที่เป็นเช่นนี้เพราะ Riot Game กำลังจะกลายเป็นค่ายที่ต้องดูแลเกมเป็นจำนวนมากครั้งแรก ทำให้พวกเขาต้องมั่นใจว่าทุกคนที่อยู่ในการดูแลจะต้องมีประสบการณ์ในเกมที่ดีที่สุด แม้การแบนอาจจะไม่ช่วยแก้ปัญหา แต่มันก็ช่วยลดโอกาสที่คนอื่น ๆ จะไปเจอกับคนแย่ ๆ เหล่านั้น แม้จะเล็กน้อยแต่ Riot ก็ไม่ลังเลที่จะทำแน่นอน

สำหรับผู้ที่เล่นที่ประพฤติตัวดีและเล่นอย่างขาวสะอาดมาตลอดอยู่แล้ว ในเกม LOL แบบ PC ก็มีระบบหนึ่งที่ชื่อ Honor system ที่ยังไม่ถูกเพิ่มเข้ามาใน Wild Rift เป็นระบบที่จะให้รางวัลกับคนที่เล่นเกมอย่างถูกต้อง ยกย่องคนที่มีน้ำใจนักกีฬา และส่งเสริมพวกเขาให้อยู่ในแนวทางนั้นต่อไป ซึ่งก็เชื่อว่าในอนาคต Wild Rift ก็จะมีระบบนี้เช่นกัน ดังนั้นก็ขอให้ทุกคนรักษาความดี ดุจกาชารักษาความเค็ม !! เพราะมันจะส่งผลดีในอนาคตแน่นอน

ติดตามรีวิวเกมได้ที่ : Funnygamings

ติดตาม Page Facebook ได้ที่ : Funnygamings